เลขฐานสอง (Binary Number System) หมายถึง ระบบตัวเลขที่มีค่าไม่ซ้ำกันสองหลักคือ 0 (ศูนย์) กับ 1 (หนึ่ง)
ได้ถูกคิดค้นขึ้นโดยนักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมัน ชื่อ “Gottfried Wilhelm” ซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็น 0 และ 1 เท่านั้น บางครั้งอาจหมายถึงการที่มีโอกาสเลือกได้เพียง 2
ทาง เช่น ปิดกับเปิด,
ไม่ใช่กับใช่, เท็จกับจริง, ซ้ายกับขวา เป็นต้น
ในปัจจุบันเลขฐานสองเป็นพื้นฐานในการทำงานของคอมพิวเตอร์ โดยนำเอาหลักการของเลขฐานสอง (สถานะไม่มีไฟฟ้า และ สถานะมีไฟฟ้า)
มาใช้ในการสร้างไมโครโปรเซสเซอร์ที่มีหน่วยประมวลผลแบบ 32 หรือ 64 บิต หรือมากกว่านั้น ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นการประมวลผลแบบดิจิตอล
เลขฐานสองเป็นเลขฐานเดียวที่เข้ากันได้กับ Hardware ของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง เพราะการใช้เลขฐานอื่น
จะสร้างความยุ่งยากให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างมาก เช่น เลขฐานสิบมีตัวเลขที่เป็นสถานะที่ต่างกันถึง
10 ตัว ในขณะที่ระบบไฟฟ้ามีเพียง
2 สถานะ ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งๆ มีเพียงสถานะเดียวเท่านั้น
แต่ละหลักของเลขฐานสอง เรียกว่า Binary Digit (Bit)
เลขฐานสิบ
|
เลขฐานสอง
|
1
|
0001
|
2
|
0010
|
3
|
0011
|
4
|
0100
|
5
|
0101
|
6
|
0110
|
7
|
0111
|
8
|
1000
|
9
|
1001
|
10
|
1010
|
11
|
1011
|
12
|
1100
|
14
|
1101
|
15
|
1111
|
จะเห็นว่า เลขฐานสอง 16 ตัวแรก จะเขียนด้วยตัวเลขขนาด 4 หลัก หรือ 4 บิตพอดี (Bit : Binary digit) และความสำคัญของตัวเลข
ที่ตำแหน่งต่าง ๆ ก็จะมีระดับความสำคัญที่แตกต่างกันเช่นเดียวกับเลขฐานสิบ นั่นคือ
ตัวเลขที่อยู่ตำแหน่งซ้ายสุดของจำนวนเลขใด ๆ จะเป็นเลขที่มีนัยสำคัญสูงที่สุด (Most
Significant Digit (Bit) ใช้ตัวย่อว่า MSD หรือ
MSB) ส่วนตัวเลขที่อยู่ตำแหน่งขวาสุดของจำนวนเลขใด ๆ
จะเป็นเลขที่มีนัยสำคัญต่ำที่สุด (Least Significant Digit (Bit) ใช้ตัวย่อว่า LSD หรือ LSB)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น